รีวิว ฮาเก้นดาส ไอศกรีมถั่วแดงโมจิ จำนวนจำกัด (CR) Review Limited Edition Azuki (redbean) Mochi Ice Cream, Haagen-Dazs Brand.

ไปเดินเตร็ดเตร่แถวตู้ไอศกรีมแล้วเจอไอศกรีมออกใหม่

ฮาเก้นดาส รสถั่วแดงโมจิ เป็นรสชาติพิเศษ

จำหน่ายตั้งแต่พฤศจิกายน 2017 ถึงกุมภาพันธ์ 2018 เท่านั้น

ส่วนประกอบ

ครีม 25.61%  ส่วนผสมถั่วแดงบด 19%  นมข้นขาดมันเนย 16.38%

โมจิ 16%  น้ำตาล 9.04%  ไข่แดง 3.12%

สารทำให้เกิดเจล  สารปรับปรุงเนื้อสัมผัส (ทรีฮาโลส)

ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร มีส่วนประกอบของนม และไข่

ข้อมูลโภชนาการ ต่อ 100 มิลลิลิตร

พลังงาน 246 กิโลแคลอรี่

ไขมัน 10 กรัม; ไขมันอิ่มตัว 6.1 กรัม ไขมันทรานส์ 0.3 กรัม

ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 4 กรัม

โปรตีน 3.9 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 35.2 กรัม; น้ำตาล 25.1 กรัม

โซเดียม 57.72 มิลลิกรัม

น้ำหนัก 81 กรัม

ที่ฝาถ้วยบอกว่าออกแบบโดยชินยอง คิม (Shinyoung Kim)

เกิดความสงสัยว่าคือใคร ไปค้นข้อมูลมาได้ว่า

เป็นชาวเกาหลี อาศัยในเนเธอร์แลนด์เป็นหลัก

เป็นนักทำภาพยนตร์การ์ตูน และวาดภาพประกอบ (Animator & illustrator)

ดูรูปที่เธอวาด ออกแบบจะเป็นภาพแนวสีสันสดใส

Official Site ของ  Shinyoung Kim คลิกที่นี่

นี่คือภาพฉบับเต็มที่เค้าออกแบบสำหรับฮาเก้นดาส สวยมาก

เครดิตรูปภาพจากเว็บไซต์ของ Shinyoung Kim

เปิดฝาออกมา พลาสติกที่ปิดอีกชั้นระบุว่า 5-10 นาที

น่าจะหมายถึงเปิดฝาออกแล้วรอ 5-10 นาทีค่อนเปิดทานรึเปล่า

แต่เมืองไทยอากาศร้อนขนาดนี้รอนานขนาดนั้นมันจะละลายเป็นน้ำซะก่อน

แต่ต้องสารภาพว่าตอนที่กินไม่ทันได้ดูที่เค้าบอกหรอกค่ะ

หยิบออกมาจากช่องฟรีซก็เปิดกินเลย

ก็ยังคิดในใจว่าทำไมไอศกรีมเนื้อแข็งจัง

ตักกินไปซัก 3 คำ เจออากาศอุณภูมิห้องไอศกรีมเริ่มนิ่มกำลังดีแล้ว

หอมถั่วแดง รสชาติหวานมัน หวานกลางๆ ไม่หวานมาก

รสชาติถั่วแดงเข้มข้น เนื้อไอศกรีมไม่เนียนมาก

คาดหวังว่าโมจิจะมีความหนึบ

ถ้วยที่กินมีโมจิไม่กี่ชิ้นเลย ชิ้นโมจิเนื้อไม่หนึบมาก

ตัวโมจิไม่น่าประทับใจ แต่ตัวไอศกรีมอร่อยมาก

ถึงมีชิ้นโมจิจำนวนน้อยก็ไม่รู้สึกอะไร

คะแนนความอร่อย 10/10

ราคา 109 บาท

ผลิตโดยฮาเก้น-ดาส อาราส เมืองอาราส ประเทศฝรั่งเศส

บาร์โค้ด 3415587335181

*CR หรือ Customer Review คือ ผู้บริโภคจ่ายเงินเองแล้วมาเขียนรีวิวค่ะ

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

รีวิว เที่ยวญี่ปุ่น วัดชิโนบาสุโนะอิเคะ สวนบัว สวนสาธารณะอุเอะโนะ โตเกียว (CR) Review Japan travel - Shinobazunoike Bentendo Temple (不忍池弁天堂), Lotus Pond, Ueno Park, Tokyo.

เดินเล่นที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ นอกจากจะมีดอกไม้ให้ถ่ายรูปเล่นแล้ว

ก็มีวัดอยู่หลายแห่ง แต่ที่จะมารีวิวในวันนี้คือวัดชิโนบาสุโนะอิเคะ เบนเทนโดะ

วัดชิโนบาสุโนะอิเคะ เบนเทนโดะ จะอยู่ข้างๆ สวนบัวขนาดใหญ่

คือจะแวะมาไหว้พระก่อนจะไปเดินเล่นที่ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) ต่อ

จากวัดก็สามารถเดินไปตลาดได้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

ส่วนตัวก็ใช้วิธีเปิด Google map เวลาจะเดินไปที่สถานที่ไหน

มีแผงขายอาหาร ขนม ก่อนถึงวัด

สวนบัว บัวเยอะมากอัดกันแน่นเลยระหว่างถ่ายรูปเล่นเพลินๆ

เหลือบไปเห็น คุณลุงชาวญี่ปุ่นพร้อมกล้องและขาตั้งกล้อง

ยืนรอเราถ่ายรูปเสร็จ จะมาถ่ายสวนบัวในจุดที่เราถ่ายรูปอยู่

ยิ้มทักทายให้กันตามประสาคนชอบถ่ายรูปเหมือนกัน

มองเลยแผงขายอาหารสองข้างทาง ถ้าเดินตรงไป

ข้ามถนนจะถึงวัดคิโยมิซึแคนนอน (Kiyomizu Kannon Temple)

แต่รอบนี้ไม่ได้แวะไปค่ะ

ร้านนี้ขายมันฝรั่งฝานเป็นเกลียวเคลือบซอสช็อกโกแลต

คือถ้าอยากมาเห็นสวนบัวอาจจะต้องดูฤดูกาลด้วย

ตามรูปด้านบนคือไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปลายเดือนมิถุนายน

ก็มีแต่ใบบัว แต่ยังไม่มีดอกบัว

และตามรูปด้านล่างคือตอนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์

ไม่มีอะไรให้ดูเลยจ้า เสียใจมาก เจอเป็ดว่ายน้ำอยู่ตัวเดียว

สถานที่ตั้งวัดชิโนบาสุโนะอิเคะ

Japan, 〒110-0007 Tōkyō-to, Taitō-ku, 台東区 Uenokōen, ２−１

ดูสถานที่ตั้งบน Google map คลิกที่นี่

การเดินทาง

1. นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย G-Ginza Line (สีส้ม),

H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี Ueno ทางออก 6 (Exit 6)

2. นั่งรถไฟสาย Keisei Line ลงสถานี Keisei-Ueno (ปลายทาง) ออกทางออกหลัก

วางแผนท่องเที่ยว

ถ้ามีเวลาซัก 1 วันในโตเกียว ก็สามารถมาแวะที่สวนสาธารณะอุเอะโนะ

ซึ่งก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่งให้เดินชมในสวนสาธารณะ

เสร็จแล้วก็ไปแวะเดินเล่นที่ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market)

ซึ่งอยู่ไม่ไกล และสำหรับคนชอบซื้อของกินของฝากก็เดินจากตลาดอะเมโยโกะ

ไปแวะที่ร้านค้าทาเคยะ หรือที่คนไทยเรียกว่าตึกม่วง (Takeya Shop)

ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยมาก มีขนม เครื่องสำอาง

กระเป๋าราคาไม่แพง ซึ่งถ้าซื้อครบตามจำนวนเงินที่เค้าระบุไว้

สามารถขอคืนภาษีในบริเวณร้านค้าได้เลย ปิดให้บริการ 20:00 น.

สนใจรายละเอียดของร้าน Takeya คลิกที่นี่

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

รีวิว เที่ยวญี่ปุ่น - ราเมน เกี๊ยวซ่า ร้านฟูคูชิน อุเอะโนะ โตเกียว (CR) Review Japan travel - Noodles, gyoza at Fukushin Restaurant (福しん 大塚南店), Ueno, Tokyo.

ช่วงเย็นระหว่างเดินไปตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market)

เดินผ่านร้านราเมน มองเข้าไปมีโต๊ะว่างอยู่ 2-3 โต๊ะ

เห็นคนเดินเข้าไปกิน เลยลองเข้าไปกินดูมั่ง

ในเมนูมีรูปภาพประกอบเลยใช้วิธีใช้นิ้วจิ้มเอา

รออาหารไม่นานประมาณ 5 นาที

เส้นเล็กเหมือนเส้นบะหมี่ นุ่ม

ซุปรสซอสถั่วเหลือง

หมูนุ่มดี ชามขนาดกลาง

ราคา 390 เยน หรือ 113 บาท

ในเว็บไซต์ของทางร้านระบุว่า 506 กิโลแคลอรี่

เซ็ตนี้ 680 เยน หรือ 196 บาท

อาหารในญี่ปุ่นราคานี้ถือว่าไม่แพงเลย

1086 กิโลแคลอรี่

อารมณ์ประมาณผัดผักใส่หมู หมูนุ่มดี

มีรสซีอิ๊ว และรสขิงเจือนิดๆ

รสหวานอมเค็ม มีผักดองแก้เลี่ยนให้

ข้าวเปล่านิ่มกลางๆ คุณภาพมาตรฐาน แต่ถ้วยค่อนข้างเล็ก

ราคา 190 เยน หรือ 55 บาท

ราคาพอๆ กับเมืองไทยเลย

ในไทยบางร้านขายแพงกว่าอีก

เกี๊ยวซ่าแป้งไม่หนามาก กรอบนอกนุ่มใน

ไส้นุ่มกลมกล่อม

คะแนนความอร่อย 7/10

ทำอาหารเร็ว ราคาไม่แพง

ที่ตั้ง 〒110-0005 Tōkyō-to, Taitō-ku, Ueno, 6 Chome−9−11

ดูสถานที่ตั้งใน Google map คลิกที่นี่

ร้านนี้มีหลายสาขา สาขาที่ทานอยู่ใกล้ๆ ตลาด Ameyoko

Official Site คลิกที่นี่

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

รีวิว เที่ยวญี่ปุ่น - อาหารจากฟู้ดคอร์ท ห้างสรรพสินค้า 0101 มารูอิ สาขาคิตะเซ็นจู โตเกียว (CR) Review Japan travel - Food from food court 0101 Marui Department Store, Kitasenju, Tokyo.

พอจะเขียนรีวิวก็เริ่มงงกับสัญลักษณ์ของห้างสรรพสินค้านี้กันก่อนเลยทีเดียว

ไม่รู้จะอ่านว่าอะไรว่าเป็นอักษรโรมัน O หรือตัวเลข 0

ได้ Wikipedia ช่วยชีวิต

สรุปคือ ○I○I ตัว ○ คือสัญลักษณ์ในภาษาญี่ปุ่น ไม่ใช่อักษรโรมันหรือตัวเลข

อ่านว่า มารุ แปลว่า วงกลม หรือศูนย์

ส่วนขีด I เป็นสัญลักษณ์แทนเลข 1

แต่เว็บไซต์ของห้างสรรพสินค้ากลับใช้ตัวเลขแทน www.0101.co.jp

มีโอกาสได้แวะไปห้างสรรพสินค้า 0101 สาขา Kitasenju

ในช่วงเย็นหลัง 18.00 น. เห็นแม่บ้านชาวญี่ปุ่นเดินในชั้นที่ขายอาหารกันขวักไขว่

เลยลองเข้าไปดูๆ ว่ามีอะไรน่ากินบ้าง ปรากฏว่าช่วงเย็นห้างเค้า

ก็มีการลดราคาอาหารสำเร็จรูปพร้อมทานเหมือนกับบ้านเรา

เริ่มกันที่เคาน์เตอร์แรก อาหารใส่กล่องพลาสติกใส

ติดป้ายลดราคา 3 กล่อง 1,000 เยน หรือประมาณ 290 บาท

ก็จะตกกล่องละ 97 บาท ก็ไม่แพงมาก

ไม่แน่ใจว่าราคาเต็มเท่าไหร่

กล่องแรก เป็นกุ้งทอดราดซอสเหนียวๆ โรยกระเทียมทอดกรอบ

ซอสราดรสเค็มอมหวาน ถ้าบ้านเราคงเป็นซอสมะขาม

กุ้งทอดกรอบกำลังดีกินได้ทั้งตัว

กระเทียมกลิ่นไม่แรงมากกรอบเคี้ยวเพลิน

กล่องนี้หน้าตาเหมือนลูกชิ้นแต่ปรากฏว่าเป็นไก่ทอด

ราดซอสเค็มอมหวาน โรยต้นหอมซอย

น้ำราดเค็มไปหน่อยเค้าคงตั้งใจให้กินกับข้าวเปล่า

กล่องนี้ไม่ต้องเดาเลยว่าคืออะไร ไก่ทอดนั่นเอง

แป้งกรอบกลางๆ ออกแข็งไปนิด

เนื้อไก่แห้งไปหน่อย รสเค็มนิดๆ

สรุป 3 กล่องข้างบนรสชาติโอเคเลยกินกับข้าวสวยร้อนๆ นี่อร่อยเลย

แต่ไก่ทอดนี่ถ้ามีซอสพริก หรือน้ำจิ้มไก่น่าจะอร่อยกว่านี้

คะแนนความอร่อย 8/10 กุ้งทอดอร่อยที่สุด

ยัง ยังไม่พอ ซื้อของทอดไปกลัวว่าจะเลี่ยน

เดินหาซื้ออะไรกินแก้เลี่ยนต่อ

ไปเจอหน้าตาเหมือนผักดองกำลังลดราคา

ราคาเต็ม 594 เยน หรือ 172 บาท แพงนะเนี่ย

อันนี้ลดราคาเหลือเท่าไหร่จำไม่ได้

ผักกรอบ รสเปรี้ยวอมหวานแก้เลี่ยนดีมาก

เหมือนผักที่แช่น้ำส้มไว้ระยะเวลานึง ไม่ได้ดองนาน

ผักสดและอร่อย ของเค้าคุณภาพจริงๆ

คะแนนความอร่อย 9/10

เหลือบไปเจอเหมือนสาหร่าย

ราคาเต็ม 594 เยน หรือ 172 บาท แพงนะเนี่ย

อันนี้ลดราคาเหลือเท่าไหร่จำไม่ได้

เป็นสาหร่ายผัดแห้งๆ ใส่เต้าหู้ทอดฝานเป็นชิ้นๆ

มีลูกชิ้นปลาหมึกแบบกลวงตรงกลางฝานผสม

สาหร่ายอร่อยดี ไม่เหนียว กรุบๆ

รสชาติเค็มน้อยอมหวาน

คะแนนความอร่อย 8/10

ปิดท้ายด้วยปลาหมึกชุบแป้งทอด

พนักงานตั้งโต๊ะขายปลาหมึกทอดอย่างเดียว

อันนี้ลดเหลือ 580 เยน หรือ 168 บาท อันนี้อร่อยมาก

ปลาหมึกนุ่ม เหมือนปลาหมึกสดซึ่งทอดมาใหม่ๆ

แป้งกรอบนิดๆ แป้งบาง หอม เค็มนิดๆ

คะแนนความอร่อย 9.5/10

เปิด 10.30-20.30น.

ที่อยู่ Japan, 〒120-8501 Tokyo, Adachi, Senju, 3 Chome−92

สถานที่ตั้งใน Google map คลิกที่นี่

อยู่ใกล้สถานี Kitasenju Station ซึ่งรวมทั้งรถไฟใต้ดิน, รถไฟ, รถไฟ JR

เครดิตภาพสัญลักษณ์ห้างสรรพสินค้าจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Marui

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

รีวิว เที่ยวญี่ปุ่น - กินแพนเค้ก เดินเล่น แคทสตรีท ฮาราจุกุ โตเกียว Review Japan travel - Cat street キャットストリート, Harajuku, Tokyo.

จากสถานีฮาราจูก ไปแวะสักการะศาลเจ้าเมจิแล้ว อ่านรีวิวคลิกที่นี่

เดินแวะมาถนนแมว (cat street) ที่ชื่อแคทสตรีท หรือถนนแมว

เพราะสมัยก่อนถนนเส้นนี้มีแมวอาศัยอยู่เยอะ

แต่พอถนนเริ่มเจริญขึ้น มีร้านค้าเยอะ แมวก็หายไป

ต้องลองมาเดินดูอยากรู้ว่าถนนสายนี้จะอาร์ตขนาดไหน

ร้านค้าตามทางก็จะมีทั้งเสื้อผ้าของใหม่ลายเก๋ๆ

หรือร้านขายของมือสองหลายร้านซึ่งเค้าคัดคุณภาพ หรือการออกแบบมาแล้วในระดับนึง

เหมาะกับคนที่ชอบเสื้อผ้าแบบลายสวยเก๋ ไม่ซ้ำใคร

ราคาก็พอสมควรเหมือนกันไม่ได้ถูกมาก

ถ้าเทียบราคากับร้านเสื้อผ้ามือสองอีกหลายๆ ที่ในโตเกียว

แต่อันนั้นต้องใช้เวลาเลือกเยอะกว่า

เดินไปก็เดินมาแบบงงๆ คือไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนว่าต้องแวะดูจุดไหนเป็นพิเศษ

แต่เดินมาเจอศิลปะกราฟฟิตี้สวยดี อย่างนี้ต้องถ่ายรูป

กลับมาหาข้อมูลเกี่ยวกับแคทสตรีทพบว่า กราฟฟิตี้ NOW IS FOREVER

สร้างสรรค์โดยสตีเฟน พาวเวอร์ (Stephen Powers) จากสหรัฐอเมริกา

ซึ่งได้รับความนิยมจากคนเล่นอินสตาแกรมภายนอกประเทศญี่ปุ่นมาถ่ายรูปตรงนี้

ก็มีคนอื่นแวะมาถ่ายรูปอยู่เรื่อยๆ

ตอนนั้นไม่รู้ว่ากราฟฟิตี้นี้ดังมากประมาณว่าเป็นจุดที่ควรมาถ่ายรูปในโตเกียว

จะมาจุดนี้ 7 นาทีจากสถานีฮาราจูกุ หรือ 3 นาทีจากศาลเจ้าเมจิ

ดูสถานที่ตั้งใน Google map คลิกที่นี่

เดินไปเดินมาเริ่มหิว ผ่านร้านอาหารที่คนเสิร์ฟใส่ชุดแม่บ้านสีดำคาดผ้ากันเปื้อนด้วย

แต่คนรอคิวเยอะมาก เลยหาร้านอื่น เดินเลยไปหน่อยมองไปชั้นสองมีร้านแพนเค้ก

มองไปในร้านมีคนนั่งสองโต๊ะ ไม่ต้องรอคิว

ต้องเดินขึ้นบันไดหน้าร้านขึ้นไปชั้นสอง

ชื่อร้าน Sunny Store&Cafe (サニー ストア&カフェ)

พนักงานเสิร์ฟเอาไอแพดมาให้ดูรายการอาหาร

ยังดีมีภาษาอังกฤษด้านล่างให้เลือกหมวด

แล้วก็มีวงเล็บชื่อรายการอาหารเป็นภาษาอังกฤษให้

ถ่ายรูปกับพี่หมี ตั้งเด่นรอทักทายทุกคนที่เดินเข้ามาในร้าน

มีพวกตุ๊กตา ของใช้ลายพี่หมีด้วย

แพนเค้กสตรอว์เบอร์รี่มาแล้ว

แป้งแพนเค้กนุ่ม เนื้อแน่นหอมวานิลลานิดๆ แผ่นหนาให้มาสามแผ่น

โปะด้วยวิปครีมฟูเนื้อละมุน แต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่เนื้อแน่นฝานบาง

รสหวานอมเปรี้ยว มีไอศกรีมรสวานิลลาวางเคียง 1 ลูกเล็ก

โดยรวมรสชาติอร่อยกลางๆ

ให้ปริมาณเยอะเหมือนกัน ขนาดหิวๆ ยังกินไม่หมด

คะแนนความอร่อย 7/10

ราคา 1,200 เยน หรือประมาณ 350 บาท รู้สึกว่าแพงไปหน่อย

เปิด 11.00-20.00 น.

มีน้ำเปล่าให้แก้วนึง ฟรี แก้วสวยดี

ก่อนเดินออกไปถนนใหญ่ผ่านตึกของแบรนด์ Ralph Lauren สวยคลาสสิคดีจัง

จริงๆ อยากถ่ายแบบไม่มีคนยืน แต่ดูท่าสองคนนั้นจะไม่ยอมขยับไปไหนง่ายๆ

สรุปก็มีตึกสวย สะอาดตา มีร้านขายของ ร้านอาหาร

เดินเล่นได้เพลินๆ วัยรุ่นจะมาเดินซะเยอะ

การเดินทางมา

ใช้เวลาเดิน 3 นาทีจากรถไฟใต้ดินโ (Tokyo Metro)

สถานี Meiji-jingumae ‘Harajuku’ (C03, F15) ทางออก 5

สถานที่ตั้งแคทสตรีท ดูใน Google map คลิกที่นี่

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

รีวิว เที่ยวญี่ปุ่น ศาลเจ้าเมจิ ฮาราจูกุ โตเกียว Review Japan travel Meiji Shrine (明治神宮 Meiji Jingū), Harajuku, Tokyo.

ถ้าพูดถึงสถานที่ทางศาสนาในโตเกียวหลายๆ 

คนคงนึกถึงวัดอาซากุสะ หรือวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) 

ส่วนตัวก็ไปมาแล้วสองครั้ง เลยลองหาสถานที่อื่นในโตเกียวบ้าง

สำหรับคนญี่ปุ่นนิยมไปศาลเจ้าเมจิ 

(Meiji Jingu / Meiji Shrine)

ในวันปีใหม่จะมีคนมาสวดขอพรครั้งแรก 

(the year's first prayers (hatsumode)) มากกว่าสามล้านคน 

และมีชื่อเสียงในการจัดงานแต่งงานแบบชินโตดั้งเดิม

(traditional Shinto weddings)

ประวัติของศาลเจ้าเมจิ  สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่

สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโชเก็ง 

(Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต

ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฮาราจูกุ (Harajuku Station) 

และสวนสาธารณะโยโยกิ (Yoyogi Park)

ซึ่งมีพื้นที่ป่าขนาดใหญ่เหมาะกับการเดินเล่นผ่อนคลาย

ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อค.ศ.1920 

หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิสวรรณคตผ่านไปแปดปี 

และหลังจากที่พระจักรพรรดินีผ่านไปหกปี ศาลได้ถูกทำลาย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่สร้างขึ้นใหม่หลังจากนั้นไม่นาน

สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิเป็นจักรพรรดิแห่งแรกของญี่ปุ่นสมัยใหม่ 

(modern Japan) เสด็จขึ้นสู่บัลลังก์ในค.ศ.1867 

ด้วยพระชนมายุเพียง 14 พรรษา และเสด็จสวรรณคตในค.ศ.1912  

ญี่ปุ่นได้ก้าวขึ้นในเป็นชาติมหาอำนาจ

ในรัชสมัยของพระองค์นับเป็นช่วงสูงสุดของการฟื้นฟูเมจิ

ประตูโทริ (torii gate) ขนาดใหญ่แสดงว่ากำลังเข้าสู่บริเวณศาลเจ้า

ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่นช่วยกันบริจาคต้นไม้

ประมาณ 100,000 ต้น เพื่อปลูกต้นไม้เหล่านี้

ในระหว่างการก่อสร้างศาลเจ้า  ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถาน

ในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น 

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก 

ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 

ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง

บรรยากาศในวัดร่มรื่นมาก มีต้นไม้ใหญ่ตลอดสองข้างทาง

เห็นทางเดินไกลเหมือนกัน แต่บรรยากาศดีเดินได้เรื่อยๆ

จะมาเจอถังเหล้าสาเกเป็นจุดที่คนแวะถ่ายรูปเยอะมาก

ถ้าอยากถ่ายรูปแบบไม่ติดคนอื่นคงต้องรอนานเลย

ถังเหล้าสาเก (nihonshu) ที่คนถวายให้ศาลเจ้าเมจิ

ฝั่งขวาเป็นเหล้าสาเก ฝั่งซ้ายเป็นถังไวน์

เดินมาได้ครึ่งทางจะเจอประตูไม้โทริขนาดใหญ่ ซึ่งตามป้ายคำอธิบาย

บอกว่าเป็นประตูไม้โทริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

ใครใคร่ซื้อเครื่องรางก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ

หลังจากเดินมาซักพัก ศาลเจ้าเมจิอยู่ตรงหน้าแล้ว

เซลฟี่ซะหน่อยว่ามาถึงแล้ว (มาคนเดียวไม่มีคนถ่ายให้ 😃)

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคนมาไหว้ขอพรกันที่คนมาต่อคิวรอขอพรจากรูปข้างบน

ก็คือสถานที่ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิรับประทานอาหาร

แผ่นป้ายขอพรจากผู้มาเยี่ยมชม

โดยรวมผู้ที่มาสักการะส่วนใหญ่ยังเป็นชาวญี่ปุ่น

มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติบ้างแต่ไม่เยอะเท่าที่วัดอาซากุสะ

เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฉลองครบรอบ 100 ปีในค.ศ.2020

จะเริ่มดำเนินงานซ่อมแซมอาคารแต่ละแห่งตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ 2016

ถึงตุลาคม 2019 เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้เข้าเยี่ยมชมน้อยที่สุด

ซึ่งช่วงที่ไปก็มีอาคารบางส่วนปิดปรับปรุงเช่นกัน แต่มองไม่เห็นเพราะมีฉากบังอยู่

เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก ไม่เสียค่าเข้าชม

ที่ตั้ง 1-1, Kamizono-chō, Yoyogi, Shibuya, Tokyo 151-0053

ดูสถานที่ตั้งใน Google map คลิกที่นี่

วิธีเดินทางไปศาลเจ้าเมจิ

1. นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda (สีเขียวเข้ม)

หรือสาย Fukotoshin (สีน้ำตาลทอง)

ลงสถานี Meiji-Jingumae ‘Harajuku’ Station ทางออก 2

2. นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว)

ลงสถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit

Ⓒ สงวนลิขสิทธิ์ ไม่อนุญาตให้นำรูปหรือข้อความในบล็อกนี้ไปใช้

ข้อมูลจาก japan-guide.com 

                 th.wikipedia.org

                 en.wikipedia.org